วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เคยกันมั้ยคะ กับอาการ "ปวดฟัน"


 "ปวดฟัน"
 
เคยกันมั้ยคะ กับอาการ "ปวดฟัน"

ถ้าใครไม่เคยก็คงไม่รู้ซึ้งถึงความทรมานของการปวดฟัน
ทรมานแค่ไหน..บางคนปวดมากจนนอนไม่หลับ
บางคนทำงานไม่ได้เลย เพราะไม่มีสมาธิ

อาการปวดฟันเกิดจากอะไร?

เกิดจากมีการอักเสบในโพรงประสาทฟันค่ะ
แต่เนื่องจากฟันของเราแข็งและมีลักษณะปิดทึบ
เวลาที่เกิดการอักเสบ มีการขยายตัวของหลอดเลือด
(นึกถึงเวลาเราขาบวม ขาซ้นน่ะค่ะ)
มันก็ไม่มีทางออก เหมือนถูกขังอยู่ในห้องแคบๆ
ความปวดจึงเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ

ถ้าปวดแล้วจะทำยังไงดี?

วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ไปหาหมอฟันค่ะ
(ตอบกำปั้นทุบดินมั้ยคะ)
เพราะหมอจะบอกได้ถึงต้นตอของสาเหตุ
ถ้าต้องถอนก็จะได้ถอนออก
ถ้าอยากเก็บฟันนั้นไว้และสามารถเก็บได้
ก็จะได้ทำการเปิดรักษารากฟันซึ่งจะช่วยลดอาการปวดได้

แต่...แน่นอนล่ะค่ะที่เพื่อนๆบางคนไม่สะดวกไปหาหมอฟัน
ด้วยหลายๆเหตุผล(ที่ไม่ขอบรรยายเพราะคงมีเยอะมาก)
วันนี้ก็เลยมีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันมาฝาก

1.ยาแก้ปวด

--> มีหลายชนิดด้วยกัน ที่แนะนำคือ

Paracetamol 500 mg. ทานครั้งละ 2 เม็ด ห่างกันทุก 4 ชม.
ทานติดต่อกันนะคะ คือทานทุก 4 ชม.เลย ไม่ต้องรอให้ปวดซ้ำ แต่ห้ามทานติดต่อกันนานเกิน 7 วัน เพราะอันตรายต่อตับค่ะ

Ibuprofen หรือ Brufen 400 mg. 1 เม็ด หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น
สามารถทานร่วมกับ Para ได้เพราะช่วยเสริมฤทธิ์กัน แต่ต้องระวังเพราะกัดกระเพาะ ไม่ควรทานตอนท้องว่างค่ะ


2.การใส่ยาแก้ปวดฟัน

--> เพื่อนๆอาจเคยเห็นยาขวดเล็กๆที่ขายตามร้านขายยา
เขียนว่าใช่ใส่แก้ปวดฟัน จริงๆมันเป็นเหมือนยาเถื่อนน่ะค่ะ
แต่ถ้าเลือกให้ดี มันก็ช่วยได้ค่ะ
ถ้าอยากใช้ ต้องใช้อย่างถูกวิธีและเลือกซื้อดีๆค่ะ
ให้เลือกอ่านว่ามีตัวยาเหล่านี้หรือเปล่าค่ะ

- clove oil (น้ำมันกานพลู)
- ยาชา (Lidocaine, Xylocaine)


ถ้ามี 2 ตัวนี้ ตัวใดตัวหนึ่งมันอาจช่วยคุณได้ค่ะ
เพราะเป็นยาที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดความชา
ดังนั้น อาการปวดฟันก็จะทุเลาขึ้นค่ะ
วิธีใช้ ให้ใช้สำลีสะอาดๆปั้นเป็นก้อนเล็กๆ
ขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ
ชุบน้ำยาที่ว่า แล้วใส่ลงไปในรูฟันที่ปวดค่ะ
(เพราะฉนั้น ถ้าใครปวดฟัน
แต่ไม่มีรูที่ซี่ฟันก็จะหมดสิทธิ์นะคะ)
ใส่ไว้แล้วอย่าลืมไปหาหมอฟัน
เพื่อรักษาต่อนะคะ ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวเน่าค่ะ

3.ห้าม!!!

--> เอาสำลีก้อนใหญ่ๆชุบ
ยาแก้ปวด / ยาผีบอก / หรือน้ำยาใดๆทั้งสิ้น
(อ้อ ยาหม่องก็ห้ามนะคะ) ไปวางแหมะไว้แถวเหงือกตรงฟันซี่ปวด
เพราะนอกจากจะไม่หายปวดแล้ว เ
หงือกแถวนั้นจะไหม้เพราะยาที่เอาไปโปะไว้นั่นแหละค่ะ รักษากันอีกเป็นสัปดาห์กว่าจะหาย
แถมดีไม่ดีจะกลายเป็นมะเร็งในอนาคตได้นะคะ

4.ยาแก้อักเสบ

--> Amoxicillin 500 mg. 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร
--> Rulid 150 mg. 1 เม็ด เช้า-เย็น ถ้าแพ้กลุ่มแรก

ที่สำคัญต้องทานสม่ำเสมออย่างน้อย 3-5 วัน
เพื่อป้องกันการดื้อยา และเพื่อผลที่ดีของยาค่ะ
เวลาซื้อต้องปรึกษาเภสัชกรด้วยนะคะ

5.อมบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ
หลังแปรงฟันทุกครั้งค่ะ
จะช่วยให้อาการอักเสบลดลงเล็กน้อยค่ะ

6. ประคบน้ำแข็งที่แก้มข้างที่ปวดค่ะ
(ไม่ใช่อมน้ำแข็งนะคะ ทำอย่างนั้นยิ่งปวดไปใหญ่ค่ะ)


7.ถ้าภายใน 2 - 3 วันอาการไม่ดีขึ้น
รู้สึกหน้าบวม อ้าปากได้น้อยลง กลืนน้ำลายเจ็บคอ
รีบไปหาหมอด่วนค่ะ เพราะนั่นแสดงว่าอาการติดเชื้อลุกลามออกจากฟันไปที่เนื้อเยื่อของใบหน้าแล้ว
อันตรายมากค่ะ มีคนเสียชีวิตมาแล้วนะคะ


ลองนำไปใช้ดูนะคะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ค่ะ
อ้อ..และเมื่อหายปวดแล้ว อย่าปล่อยทิ้งไว้
เพราะคิดว่าไม่ปวดก็ไม่ต้องทำอะไร
มันคือ ระเบิดเวลาค่ะ ปวดแล้วก็ปวดได้อีก
ดีไม่ดีหน้าจะบวมเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นเสียชีวิตได้นะคะ
ไม่ก็ต้องไปเสียเงินนอนโรงพยาบาล
เพราะติดเชื้อขั้นรุนแรงอีกค่ะ
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายนะคะ
 
http://www.bloggang.com


วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ฟันผุ...คืออะไร ใครอยากรู้!!! มาดูกัน




ฟันผุ
ฟันผุเป็นโรคที่พบบ่อยมากสาเหตุเกิดจากความผิดปกติ ของฟันเช่นร่องฟันลึก จากเชื้อแบคทีเรียที่มีมากและย่อยอาหารพวกแป้งและน้ำตาล ทำให้เกิดกรดที่ไปทำลายที่ผิวฟัน จนเกิดเป็นรู้ และหากลามไปถึงรากฟันก็จะทำให้เกิดอาการปวดฟัน
ฟันผุ ฟันผุ
ฟันของคนเราปรกติจะมีการ demineralization เป็นการที่แร่ฐาตุของผิวฟันถูกขับออก และมี remineralizatio หรือขบวนการเติมแร่ฐาตุให้กับผิวฟันโดยแร่ฐาตุที่อยู่ในน้ำลาย หากขบวนการเติมแร่มากกว่าขบวนการขับออกฟันฟันจะปรกติ
เมื่อขบวนการละลายแร่ฐาตุมากกว่าขบวนการสร้างก็จะเกิด ฟันผุ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้อ Streptococcus mutan และ Lactobasillus ย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต์ทำให้เกิดกรดซึ่งจะทำลายผิวเคลือบฟัน ในรายที่เริมเป็นจะเห็นเป็นสีขาวขุ่นเล็กๆที่ผิวฟัน ในระยะนี้หากตรวจพบ และรักษาสุขอนามัยก็จะทำให้ผิวฟันกลับปกติ หากยังมาการละลายของผิวฟันต่อไปอีกก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลซึ่งหากยังไม่เป็ร ูก็ยังสามารถกลับคืนสู่ปรกติได้ หากกลายเป็นรูก็จะคงรูปตลอด และหากไม่รักษาก็จะมีอาการปวดฟันจนกระทั่งฟันร่วง
ฟันพุต้องมีอาการปวดฟันหรือไม่
หากฟันผุเริ่มเป็นและมีการละลายผิวฟันชั้น Enamel หรือชั้น Dentin จะไม่มีอาการปวดจะเห็นเป็นรอยขาวหรืออาจจะออกสีน้ำตาล เมื่อฟันผุลงลึกถึงชั้น Pulp ซึ่งกดดูจะนิ่มถึงตอนนั้นจะมีการเสียวฟันเวลารับประทานของร้อยหรือเย็น และหากลามไปถึงรากฟันก็จะทำให้เกิดอาการปวดฟัน บางรายจะมาด้วยมีกลิ่นปาก
สาเหตุของฟันผุมีอะไรบ้าง
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดฟันผุจะมีอยู่ 4 สาเหตุ จากฟัน แบคทีเรีย อาหาร และระยะเวลา
สาเหตุจากฟัน
มีโรคฟันบางประเภทที่มีเกลือแร่ที่เนื้อฟันน้อยทำให้ เกิดฟันผุได้ง่าย นอกจากนั้นผู้ที่มีร่องบนฟันมากหรือลึกก็จะเกิดฟันผุได้ง่าย และผู้ที่เป็นโรคเหงือกมีเหงือกร่นทำให้่วน Dentinสัมผัสสภาพในฟัน Dentin จะมีเกลือแร่เป็นองค์ประกอบน้อยกว่าผิวฟันซึ่งในสภาพปากปกติก็ทำให้เกิดฟัน ผุได้(ผิวฟันปรกติจะต้องมีpH<5.5จึงจะเกิดฟันผุ)
เชื้อแบคทีเรีย
ผู้ที่มีเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวข้องต้นหากมีมากที่คราบหินปูนหรือที่ร่องฟันมากก็จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย
 
ที่มา http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/oral/decay.html

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อิสราเอล..วิจัยเห็ดนางฟ้ารักษามะเร็ง



นักวิจัยอิสราเอลค้นพบสารสกัดเห็ดนางฟ้า สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในห้องปฏิบัติการได้ผล เตรียมหาทุนทำวิจัยรักษาในมนุษย์
ศาสตราจารย์ เบ็ตตี้ ชวอร์ทซ์ (Betty Schwartz) นักวิจัยจากสถาบันชีวเคมี ที่มหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเลม ได้นำสารสกัดเคมีชื่อ อัลฟ่ากลูแคน ในเห็ดนางฟ้า มาทดลองกับเซลล์มนุษย์ และเซลล์หนู ในห้องปฏิบัติการ พบ ว่ามันสามารถทำให้โมเลกุลของเซลล์มะเร็งจับตัวเป็นก้อนและตาย ขณะเดียวกันก็มีฤทธิยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้ผนึกตัวเองเข้ากับเส้นเลือดใน ลำไส้ ส่งผลให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถกระจายไปยังตำแหน่งอื่นๆ พร้อมกันนี้อัลฟ่ากลูแคน ยังช่วยลดการอักเสบ ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการเยียวยาฟื้นฟูร่างกายอีกด้วย

ชวอร์ทซ์ เชื่อว่า เห็ดนางฟ้าซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไป จะเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้สู้มะเร็งชนิดต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ และหวังว่าจะมีผู้ให้ทุนทำการวิจัยรักษามะเร็งจริงๆ ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้เพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่า ในปี 2551 มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้มากถึง 1.23 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 6 แสน 8 พันคน

อย่าง ไรก็ตาม ศาสตราจารย์คีท โจนส์ แห่งสถาบันวิจัยมะเร็งของอังกฤษ ออกมาเตือนว่าอย่าตั้งความหวังกับเห็ดนางฟ้ามากเกินไป เผยยังมีสารธรรมชาติจากอาหารอีกหลายชนิด ที่นักวิจัยพบว่ามีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เช่น แต่ยังต้องศึกษาวิจัยอีกนานกว่าจะผลิตเป็นยารักษามะเร็งได้จริง

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

น้ำแ็ข็ง.....ทำให้หน้าสวยใสจริงหรือมั่ว ....ชัวร์หรือไม่

  น้ำแข็ง ก็ช่วยให้ผิวหน้าคุณผู้หญิงสวยได้นะ



คุณ ผู้หญิง หลายๆ ท่านอาจยังไม่รู้ว่า น้ำแข็งที่เราเอาไว้ใช้ใส่ตอนอยากดื่มน้ำเย็นๆ นี่แหละสามารถช่วยให้ผิวหน้าของคุณผู้หญิงสวยดูดีได้ด้วยเช่นกัน แต่จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณผู้หญิงสวยได้อย่างไรนั้น เราไปดูกันเลยค่ะ
  • 1. ใช้น้ำแข็งช่วยกระชับผิวไม่เหี่ยวย่นไว
สำหรับ คุณผู้หญิงที่ไม่อยากมีผิวหน้าเหี่ยวย่นไว้ ก็ลองทำดังนี้กันเลย….ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็ง จากนั้นนำมาวางประคบบนผิวหน้าของคุณผู้หญิง จากนั้นลูบไล้ไปทั่วผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทำให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง นั้นดูเนียนเรียบได้ แถมพวกริ้วรอยต่างๆ ที่มีบนใบหน้าก็ดูตื้นขึ้นได้ด้วย ง่ายและดีแบบนี้คุณผู้หญิงไม่ต้องลังเลให้มากมาย รีบเตรียมหาน้ำแข็งมาทำเป็นประจำทุกวันได้เลย รับรองคุณผู้หญิงจะมีผิวหน้าที่ตึงกระชับมากขึ้นแน่นอนค่ะ
  • 2. ใช้น้ำแข็งช่วยกำราบสิว
โดย นำก้อนน้ำแข็งประคบผิวบริเวณที่เป็นสิวไว้ 1-2 นาที เมื่อคุณผู้หญิงเริ่มรู้สึกชา ก็ให้ยกออก พักสักพัก แล้วค่อยๆ ทำต่อได้เรื่อยๆ หมั่นทำบ่อยๆ สิวเม็ดที่ขึ้นมาคาใจก็มีโอกาสลดลงเร็วยิ่งขึ้น ใน 2-3 วัน (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบอกไว้ก่อนว่าก็ต้องขึ้นกับสภาพผิวของคุณผู้หญิงแต่ละ คนด้วยนนะคะ)
  • 3. ใช้น้ำแข็งมาปประโลมผิวไหม้แดด
หากออด แดดนานจนผิวของคุณผู้หญิงมีอาการแสบคันเนื่องจากผิวไหม้เพราะถูกแดดเผาเป็น เวลานาน ให้ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งนำมาวางประคบทิ้งไว้ 2-3 นาที จากนั้นผิวของคุณผู้หญิงจะเย็นขึ้น รู้สึดสดชื่น และหายคันอีกด้วยนะคะ
  • 4. น้ำแข็งช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนนานมากยิ้งขึ้นด้วย
ใช้ ก้อนน้ำแข็งมาถูวนทั่วทั้งใบหน้าก่อนที่คุณผู้หญิงจะแต่งหน้า เพื่อเป็นการกระตุ้นผิว ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าช่วยให้เมคอัพที่แต่งลงไปติดผิวและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น นั่นเองค่ะ
  • 5. ใช้น้ำแข็งช่วยลดอาการตาบวมตุ่ย
คุณ ผู้หญิงคนไหนที่ตื่นมาพร้อมตาบวม ให้หาผ้าสะอาดมาห่อน้ำแข็งจากนั้นนำมาวางประคบบริเวณรอบตาที่บวมซึ่งน้ำแข็ง จะช่วยลดอาการบวมที่ตาได้และยังทำให้ผิวรอบดวงตาของคุณผู้หญิงสดชื่นมากยิ่ง ขึ้นด้วย
  • 6. ใช้น้ำแข็งมาทำเป็นมาส์กน้ำแข็งให้ผิวเย็นชื่นใจ
เป็น การดัดแปลงนำเอา น้ำแข็งมาประยุกต์โดยการทำมาสก์น้ำแข็งมาสก์บนผิวหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มความความสดชื่นให้กับผิวหน้าของคุณผู้หญิงด้วย การคั้นน้ำจากแตงกวาผสมกับ โรส วอเตอร์ จากนั้นนำมารินใส่ถาดทำน้ำแข็งแล้วเอาเข้าช่องฟรีส เมื่อคุณผู้หญิงอยากใช้ก็เคาะออกมา แล้วนำก้อนน้ำแข็งที่มีส่วนผสมของ แตงกวา-กุหลาบ ออกมาวนๆ ไปมาแข็งไปทั่วใบหน้า เพียงเท่านี้ผิวหน้าของคุณผู้หญิงก็จะได้ทั้งความเย็นสดชื่นและยังได้รับสาร จากแตงกวาและกุหลาบมาช่วย บำรุงผิวหน้าอีกด้วยนั่นเองค่ะบทความโดย : Ladyvisa.com

วันพ่อแห่งชาติ

เราคิดว่า....ทุกๆวันก็ควรจะเป็นวันพ่อ....
เพราะเราก็ยังรักพ่อของเราทุกๆวัน

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แนะนำตัวเอง

กลุ่มงานทันตกรรมโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง)
ให้บริการในเวลา วันจันทร์-วันศุกร์  นอกเลาราชการวันจันทร์ - วันพุธ